วันอังคารที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2553

อาการเวียนหัว มึนหัว แบบบ้านหมุนคืออะไร

อาการเวียนหัว มึนหัว อาจมีหลายลักษณะ และต่างสาเหตุการเกิด ชนิดที่เรียกได้ว่ารบกวนชีวิตประจำวันมากที่สุด เพราะทำให้เดินเหินได้ลำบาก บางรายมีอาการเวียนหัวมาก ถึงกับลุกเดินไปไหนมาไหนไม่ได้เพราะรู้สึกเหมือนบ้านหมุนตลอดเวลา ทรงตัวไม่ได้ นั่นคือ อาการเวียนหัว มึนหัว แบบบ้านหมุน (Vertigo)

อาการเวียนหัวหรือมึนหัวแบบบ้านหมุนอาจเกิดขึ้นเป็น 2 ลักษณะ ลักษณะแรกเป็นความรู้สึกเวียนหัว มึนหัวแบบที่ว่าตัวเองหมุนไปรอบๆ หรือลักษณะที่สอง ความรู้สึกเวียนหัว มึนหัวแบบรู้ว่าหัวตัวเองอยู่นิ่งๆ แต่สิ่งที่อยู่รอบๆ ตัวเราหมุน แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ส่งผลอย่างมากต่อการเคลื่อนไหว การทรงตัว และการเดินที่เดินตามปกติไม่ได้ ต้องนอนอยู่นิ่งๆ หรือบางรายนแม้นอนนิ่งก็ยังรู้สึกว่าสิ่งรอบตัวหมุนจนเวียนหัว มึนหัวอย่างมากได้ ต้องนอนหลับตาสนิทสถานเดียว

อาการเวียนหัว มึนหัวเหล่านี้อาจเกิดจากความผิดปกติที่เกิดขึ้นในสมอง หรืออาจเกิดจากความผิดปกติของอวัยวะในหูชั้นในที่มีหน้าที่ควบคุมการทรงตัวของร่างกาย อาการที่เกิดขึ้นอาจไม่หนักหรือรุนแรง แต่มีบางคนที่รุนแรงมากและเกิดขึ้นบ่อยจนเป็นปัญหาประจำตัว หรือบางคนอาจมีการคลื่นไส้อาเจียน เสียการทรงตัวจนเกิดการบาดเจ็บจากการหกล้ม หรือบางรายก็อาจเกิดอาการเป็นลมด้วยก็ได้

อาการเวียนหัวที่ควรระวัง

อาการเวียนหัว มึนหัว บ้านหมุน โดยมากแล้วมักเกิดจากความไม่สมดุลย์ระหว่างระบบประสาทและอวัยวะควบคุมและรับรู้เกี่ยวกับการทรงตัว เมื่อทำงานไม่สัมพันธ์กันก็จะทำให้เกิดอาการเวียนหัว มึนหัว หรือหลอนทำให้รู้สึกว่าสิ่งรอบตัวหมุน หรือที่เรียกว่าบ้านหมุน

นอกจากนี้อาการเวียนหัวยังอาจเกิดจากระบบไหลเวียนโลหิตที่ ส่งเลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ ก็จะทำให้เกิดอาการมึนหัวตื้อๆ เวียนหัว หน้ามืดได้ โดยเฉพาะในผู้ที่มีภาวะความดันโลหิตต่ำ นอกจากสาเหตุที่พบบ่อยแล้ว อาการเวียนหัว มึนหัว อาจเกิดจากโรคร้ายบางอย่างได้ด้วยจัดเป็นสัญญาณเตือนที่บอกว่าควรพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายแล้ว

ปกติแล้วระบบการทรงตัวของร่างกาย จะต้องประกอบด้วยการทำงานที่ประสานกันอย่างพอดิบพอดี ไม่ขาดไม่เกินของอวัยวะหลักสำคัญ 3 ส่วน คือ สายตา ระบบประสาทรับความรู้สึก และประสาทหูตอนใน โดยมีสมองเป็นตัวควบคุม แปรผล และสั่งการ ตัวอย่างเช่น การที่เราเดินบนถนน สายตาจะรับข้อมูลโดยจะมองภาพสิ่งภายนอกที่สัมพันธ์และมีความจำเป็นกับร่างกายที่กำลังเคลื่อนที่เพื่อเป็นข้อมูลให้สมองประมวลผลว่าควรเคลื่อนที่ต่อไปอย่างไร ประสาทความรู้สึกจะรับรู้ขาที่เคลื่อนไหวตลอดเวลา ส่วนหูชั้นในจะรับรู้ถึงความสัมพันธ์ของร่างกายกับแรงโน้มถ่วงของโลกและปรับสภาพให้เป็นการทรงตัวที่พอดี สมบูรณ์แบบ สามารถเดินได้โดยไม่มีการเซไปมาหรือล้มลงอย่างกระทันหัน

หากมีอาการเหล่านี้ควรพบแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติม

- มีภาวะหมดสติบ่อยๆ หลังจากเวียนหัว มึนหัว
- มีอาการเวียนหัว มึนหัว ร่วมกับคลื่นไส้หรืออาเจียนพุ่งอาการเป็นมากขึ้น
- มีภาวะขาดน้ำปานกลางหรือรุนแรง
- อาการไม่ดีขึ้นหรือรุงแรงขึ้นเรื่อยๆใน 1 สัปดาห์
- มีอาการบ่อย หรือรุนแรง
- คุณสามารถป้องกันอาการหน้ามืดเวียนหัวได้โดย
- เวลาลุกขึ้นจากท่านั่งหรือท่านอน ให้ช้าลง

วันเสาร์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2553

เวียนหัว มึนหัว บ้านหมุนเกิดขึ้นได้อย่างไร

 

การเวียนหัว มึนหัว บ้านหมุนเกิดขึ้นได้กับทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย

ปกติแล้วระบบการทรงตัวของร่างกาย จะต้องประกอบด้วยการทำงานที่ประสานกันอย่างพอดิบพอดี ไม่ขาดไม่เกินของอวัยวะหลักสำคัญ 3 ส่วน คือ สายตา ระบบประสาทรับความรู้สึก และประสาทหูตอนใน โดยมีสมองเป็นตัวควบคุม แปรผล และสั่งการ ตัวอย่างเช่น การที่เราเดินบนถนน สายตาจะรับข้อมูลโดยจะมองภาพสิ่งภายนอกที่สัมพันธ์และมีความจำเป็นกับร่างกายที่กำลังเคลื่อนที่เพื่อเป็นข้อมูลให้สมองประมวลผลว่าควรเคลื่อนที่ต่อไปอย่างไร ประสาทความรู้สึกจะรับรู้ขาที่เคลื่อนไหวตลอดเวลา ส่วนหูชั้นในจะรับรู้ถึงความสัมพันธ์ของร่างกายกับแรงโน้มถ่วงของโลกและปรับสภาพให้เป็นการทรงตัวที่พอดี สมบูรณ์แบบ สามารถเดินได้โดยไม่มีการเซไปมาหรือล้มลงอย่างกระทันหัน

1) ระบบประสาทรับภาพของตาหรือระบบประสาทเคลื่อนไหวลูกนัยน์ตาไม่ทันกับสภาพที่เคลื่อนที่เร็ว เช่น ขณะนั่งในรถที่กำลังวิ่งเร็ว หรือมองตามวัตถุที่เคลื่อนที่เร็ว
2) ระบบประสาทรับสัมผัส เนื่องจากการผสมผสานกันของสัญญาณประสาทรับสัมผัสจากระบบต่าง ๆ เป็นไปอย่างไม่ปกติ เช่น การยืนใกล้กับสิ่งของ สิ่งก่อสร้าง หรือหน้าผาที่มีขนาดใหญ่มาก หรือภาวะกลัวความสูง
3) ระบบรับสัญญาณประสาทของสมองส่วนกลาง เช่น ถูกกดจากการทานยานอนหลับ ดื่มสุราหรืออดนอน ภาวะความเครียด วิตกกังวล หวาดกลัว หรือโรคทางกายที่มีผลต่อสมอง ได้แก่ภาวะขาดสารอาหาร น้ำตาลในเลือดสูงหรือต่ำผิดปกติ โรคไทรอยด์เป็นพิษ โรคหัวใจ โรคปอดเรื้อรัง เป็นต้น

อาการเวียนหัว อาจไม่ได้เป็นอันตรายมาก แต่ก็รบกวนชีวิตและการทำงานได้ค่อนข้างมากเหมือนกัน อีกทั้งยังรักษาตรงจุดได้ยากเนื่องจากหาสาเหตุที่แท้จริงไม่พบ ดังนั้นผุ้ป่วยที่มีอาการเวียนหัว มึนหัว บ้านหมุนบ่อยๆ ควรสังเกตตนเองว่าทำไมจึงเกิดอาการเช่นนี้

วันศุกร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2553

การวินิจฉัยอาการเวียนหัว มึนหัว บ้านหมุน

เวียนหัว มึนหัว บ้านหมุนนั้นเกิดได้จากหลายสาเหตุมาก ฉะนั้นแน่นอนว่าหากต้องการรักษาอาการเวียนหัวให้ได้ผลดี จำเป็นต้องทราบสาเหตุที่แท้จริงก่อน การจะวินิจฉัยและรักษาจะต้องทราบก่อนว่าอาการเวียนหัว มึนหัวเป็นชนิดไหน เกิดจากสาเหตุอะไร ซึ่งแบ่งการเวียนหัว มึนหัวเป็นชนิดใหญ่ๆได้ 4 ชนิด
1.อาการเวียนหัวแล้วตามด้วยหน้ามืดเป็นลม อาการเวียนหัวประเภทนี้มักเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลันขณะนั่งหรือนอนแล้วลุกขึ้นยืนค่อนข้างเร็ว โดยผู้ป่วยจะรู้สึกเป็นลม หน้ามืดขึ้นมาเฉยๆ มีอาการใจสั่น เหงื่อออก หน้าซีด แล้วเวียนหัว มึนหัว เหมือนตัวลอยๆ เดินจะทรงตัวลำบาก ต้องนอนหรือนั่งจึงจะดีขึ้นที่สำคัญคือจะไม่หมดสติ บางรายมีคลื่นไส้ สาเหตุของการเวียนหัว มึนหัว ประเภทนี้คือ
ความดันโลหิตต่ำ แน่นอนว่าเมื่อท่านลุกขึ้นยืนเลือดส่วนใหญ่จะต้องไหลไปที่เท้าตามแรงโน้มถ่วง ร่างกายจะปรับตัวโดยทันที กลไกหลักคือการบีบตัวของหลอดเลือดดำเพื่อส่งให้เลือดที่บริเวณขากลับไปที่หัวใจ ผู้ป่วยที่มีภาวะนี้บ่อยๆ จะเกี่ยวข้องกับผู้ที่มีความดันโลหิตต่ำอยู่แล้ว เมื่อลุกขึ้นจากการนอนราบร่างกายจะปรับตัวส่งเลือดกลับสู่หัวใจ แล้วบีบส่งสู่สมองไม่ทัน ทำให้เกิดอาการเวียนหัว มึนหัว หน้ามืดขึนมาอย่างเฉียบพลัน โดยภาวะอาจจะเกิดจากยาผู้ที่ใช้ลดความดันโลหิต หรือการสุญเสียน้ำจากการเจ็บป่วยทำให้ได้รับน้ำไม่พอ ผู้ป่วยท้องร่วงหรืออาเจียนมาก หรือในผู้ป่วยที่นอนนานๆ เพราะกลไกการปรับตัวไม่ค่อยได้ทำงานนักทำให้ปรับตัวได้ช้า ผู้ป่วยเหล่านี้จะมีภาวะเลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอชั่วคราวทำให้เกิดอาการหน้ามืด และเวียนหัว มึนหัวตัวลอยๆ

2.อาการเวียนหัว มึนหัวแบบบ้านหมุน เป็นอาการหลอนโดยที่รู้สึกว่าสิ่งแวดล้อมรอบตัวหมุน หรือหัวหมุน มักเกิดจากการเปลี่ยนท่า เช่นหันหน้าหรือการเปลี่ยนจากนอนเป็นนั่งจะทำให้เกิดอาการหมุน ผู้ป่วยมักจะนอนหลับตา หากลืมตาบ้านจะหมุน อาการเวียนหัวมึนหัวแบบนี้มักทำให้เกิดอาการคลื่นไส้อาเจียน และจะเดินเหินไปไหนมาไหนได้ค่อนข้างลำบากมาก สาเหตุเกิดจากโรคของหูชั้นในซึ่งเป็นจุดที่ควบคุมสมดุลย์ของร่างกาย โรคที่เป็นสาเหตุได้แก่ Benign paroxysmal positional vertigo (BPPV) เมื่อท่านหันศีรษะหรือพลิกตัวจะทำให้ท่านเวียนศีรษะบ้านหมุนเกิดจากโรคหูชั้นใน Vestibular neuronitis (labyrinthitis) เกิดจากการอักเสบของหูชั้นในจากเชื้อไวรัส Meniere's disease เกิดจากน้ำเลี้ยงในหูชั้นในเพิ่มขึ้น Acoustic neuroma เกิดจากเนื้องอกกดเส้นประสาท
Medications ยาหลายชนิดทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะเช่น Aspirin, streptomycin, gentamicin, caffeine, alcohol และยาโรคความดันโลหิตสูงและโรคหัวใจ

3.ผู้ป่วยที่มีอาการเวียนหัว มึนหัวแบบหนักศีรษะมึนๆ  ตื้อๆ สาเหตุสำคัญที่สุดของอาการเวียนหัว มึนหัวแบบนี้คือ พักผ่อนไม่พอ และความเครียด โดยผู้ป่วยจะรู้สึกเหนื่อยล้า ไม่สดชื่นตลอดทั้งวัน

4.เวียนศีรษะแบบเดินเซทรงตัวไม่ได้ ผู้ป่วยจะมีอาการทรงตัวไม่ได้เวลาเดิน โรคที่เป็นสาเหตุได้แก่
โรคหูชั้นใน

วันจันทร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

เวียนหัว มึนหัว จากภาวะความดันโลหิตต่ำ

อย่างที่ได้ทราบกันไปแล้วว่า อาการเวียนหัว มึนหัว นั้นเกิดได้จากหลายสาเหตุมากและอาจเ็ป็นสัญญาณเตือนของโรคร้ายต่างๆได้ด้วย บทความนี้จะกล่าวถึงอีกสาเหตุหนึ่งของอาการเวียนหัว มึนหัว ที่พบได้่บ่อย และหลายคนมักไม่ทราบ นั่นคืออาการเวียนหัวจากความดันโลหิตต่ำ

โรคความดันโลหิตต่ำ ( Hypotension )
โรคความดันโลหิตต่ำพบน้อยกว่าโรคความดันโลหิตสูง และมีอันตรายน้อยกว่าผู้ที่ความดันโลหิตสูง และมีการดำเนินชีวิตที่สบายกว่า ผู้ป่วยที่มีความดันโลหิตต่ำจะวัดค่าความดันโลหิตได้ ดังนี้ตามเกณฑ์

สำหรับชายและผู้หญิง Systolic Pressure 80-100 มม.
ปรอท Diastolic Pressure 50-60 มม. ปรอท สาเหตุของความดันโลหิตต่ำ ยังไม่มีคำอธิบายที่
แน่นอน แต่ส่วนใหญ่เป็นพันธุกรรมหรือเป็นมาแต่กำเนิดหรือไม่ทราบสาเหตุแน่นอนเรียกว่า
Idiopathic Hypotension

อาการ อาการเด่นของความดันโลหิตต่ำืคือเวียนหัว มึนหัว

อย่างที่ทราบกันดีว่า อาการเวียนหัวเกิดจากสาเหตุหลักหนึ่งคือ เลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอ ดังนั้นคนที่มีความดันโลหิตต่ำย่อมมีแรงดันเลือดที่ส่งไม่ถึงสมอง ทำให้เกิดภาวะขาดเลือด และเกิดอาการเวียนหัว มึนหัวขึ้นได้ตลอดเวลา

ดังนั้นส่วนใหญ่ของผู้ป่วยที่มีความดันโลหิตต่ำ มักไม่มีอาการอะไรมากนัก อาการสำคัญคือ จะมีอาการเวียนหัวง่าย เวลาลุกขึ้นยืนเร็วๆ เช่นเวลานั่งยองๆ แล้วลุกขึ้นยืน หรือกำลังนอนอยู่แล้วลุกขึ้นเร็วๆ จะเกิดอาการเวียนหัวเป็นครั้งคราวชั่วระยะหนึ่ง แล้วบางครั้งก็ดูปกติดีแต่ถ้า
อดนอนหรือนอนไม่พอก็จะมีอาการเวียนหัวและอ่อนเพลียด้วย

เมื่อเปลี่ยนจากท่านอนเป็นลุกขึ้นนั่งหรือยืน จะมีอาการหน้ามืดวิงเวียนจะเป็นลมเนื่องจากเลือดไปเลี้ยง
สมองไม่พอ อาจมีคลื่นไส้ อาเจียน ตาพร่า ตาลายร่วมด้วย แต่สักครู่หนึ่งก็หายเป็นปกติ

การวัดความดันโลหิต มักพบว่าความดันซิสโตลิก (ช่วงบน) ที่วัดในท่ายืนต่ำกว่าท่านอนมากกว่า 30
มิลลิเมตรปรอท เช่น ในท่านอนวัดได้ 130/80 แต่ในท่ายืนจะวัดได้ 90/60

การรักษา
รักษาตามสาเหตุ
- ถ้าไม่มีสาเหตุชัดเจน อาจต้องตรวจเลือด ปัสสาวะ และอื่น ๆ ที่จำเป็น
- ควรแนะนำให้ลุกขึ้นนั่งหรือยืนช้า ๆ อย่าลุกพรวดพราด เพื่อให้ร่างกายปรับตัว
- ออกกำลังกายบ้าง เพื่อช่วยให้หัวใจแข็งแรง
- ถ้ามีปัญหาเรื่องขาดอาหาร ก็ควรให้สารอาหารชดเชย เช่น
- กรดโฟลิคจากน้ำผึ้งช่วยสร้างเม็ดเลือดแดง
- กรดอะมิโนในสาหร่ายเกลียวทองเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อผนังเส้นเลือดและระบบประสาทอัตโนมัติ
- วิตามิน เกลือแร่ ในว่านหางจระเข้ช่วยให้เกิดสมดุลของความดันโลหิต
- วิตามินซี ช่วยในการดูดซึมแคลเซี่ยม ธาตุเหล็กและกระบวนการเมตาโบลิซึมของร่างกาย
- วิตามินอีในเมล็ดทานตะวันช่วยลดการแตกตัวของเม็ดเลือดแดง

วันอาทิตย์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

สาเหตุของอาการมึนหัว เวียนหัวที่พบบ่อย

อาการเวียนหัว มึนหัว อาจเกิดได้นานๆครั้งหรือเป็นบ่อยเป็นประจำ ลองมาดูสาเหตุของอาการเวียนหัว มึนหัว แล้วลองสังเกตุตนเองดูครับ

1. เวียนหัว มึนหัวจากการเคลื่อนไหว

เช่นเมารถ เมาเรือ เคลื่อนไหวเป็นวงกลมหรือกลับไปกลับมาอย่างรวดเร็ว อาการเวียนหัว มึนหัว บ้านหมุน นั้น อาจเกิดขึ้นได้่บ่อยครั้งจากการเดินทางด้วยรถด้วยเรือ หรือเครื่องบิน หรือจากการเล่นเครื่องเล่นในสวนสนุกเช่นเวียนหัว มึนหัวจากการเล่นม้าหมุน เล่นชิงช้า รถไฟเหาะ ซึ่งบางรายมีอาการเวียนหัว มึนหัวพร้อมกับคลื่นไส้อาเจียนเลยทีเดียว การเล่นเครื่องเล่นที่มีการเคลื่อนไหววนเวียนหรือขึ้นๆ ลง หรือเหวี่ยงไปมาเป็นอีกสาเหตุที่พบอาการเวียนหัว มึนหัว ได้เกือบร้อยเปอเซนต์

ถ้าอาการเวียนหัว มึนหัว เกิดขึ้นจากกรณีดังกล่าว เรามักจะเรียกว่า เป็นอาการเมารถ เมาเรือ เมาเครื่องบิน หรือเมาจากการเคลื่อนไหว (motion sickness)

บางครั้งอาการเมา มึนหัว (เวียนหัว) แบบที่เกิดจากการเคลื่อนไหวนี้อาจเกิดขึ้นขณะนั่งรถดูทิวทัศน์ข้างทางที่วิ่งผ่านไปเรื่อยๆ หรือการมองภาพที่สับไปมาอย่างรวดเร็วเช่นในขณะนั่งดูภาพยนตร์ที่แสดงภาพวิ่ง วิ่งหนีกัน วิ่งไล่กัน หรือมีฉากที่ตัดไปตัดมาอยู่ตลอดเวลาอยู่ตลอดเวลา โดยที่ลำตัวและศีรษะไม่มีการเคลื่อนไหวไปมาถือว่าเป็นการเวียนหัว มึนหัวจากภาวะสายตาเคลื่อนไหวมากเกินไป

บางคนมีร่างกายที่ไวต่อการเมา หรือเวียนหัว มึนหัวในแบบนี้ เช่นนั่งรถไปครู่เดียวก็เริ่มเวียนหัว มึนหัวและอยากอาเจียนหรือไม่สามารถนั่งเครื่องบินได้เลย คนที่เคยชินมักจะเมารถ เมาเรือ หรือเมาแบบนี้ยากกว่าคนที่ไม่เคยชิน

ต่อบทความหน้า

วันพฤหัสบดีที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

บ้านหมุน เวียนหัว มึนหัว เพราะน้ำในหูไม่เท่ากัน

เมื่อคนไข้ที่มีอาการเวียนหัว มึนหัว มาพร้อมๆกับอาการรู้สึกว่าบ้านหมุน เดินเซ มักถูกแพทย์เหมาเอาว่าเป็นโรคน้ำในหูชั้นในไม่เท่ากัน หรือหูชั้นในอักเสบ เพราะมีผู้ป่วยจำนวนมากที่ต้องเผชิญกับอาการมึนหัว เวียนหัว บ้านหมุนแบบนี้ คำว่าน้ำในหูไม่เท่ากันเป็นคำพูดติดปากถึงกับมีคนไข้เข้าใจผิดคิดว่า เกิดจากน้ำเข้าไปในหูขณะอาบน้ำทำให้เกิดอาการขึ้นมา
แต่ในความเป็นจริงตำแหน่งที่เกิดโรคคือ หูชั้นใน ซึ่งน้ำไม่สามารถเข้าไปได้ เป็นระบบที่ร่างกายมีอยู่แล้วเพื่อประโยชน์ในการทรงตัวที่อยู่ลึกเข้าไปหลังแก้วหู การเกิดอาการเวียนหัว มึนหัว บ้านหมุนนั้นไม่เกี่ยวกับน้ำเข้าหูจากภายนอกอย่างเด็ดขาด

โรคเวียนหัว เดินเซ มึนหัวจากภาวะน้ำในหูชั้นในไม่เท่ากัน หูชั้นในอักเสบหรือ โรคเมเนียร์ (Meniere's disease) พบค่อนข้างบ่อยมาก ที่สุดในผู้่ป่วยเวียนหัวที่มีอายุน้อย เป็นโรคที่พบอันดับสองของสาเหตุอาการเวียนหัว โดยมักเริ่มเป็นหูข้างใดข้างหนึ่งก่อน และมีประมาณ 15-20% ของผู้ป่วยเวียนหัว มึนหัวที่เป็นหูชั้นในอักเสบทั้งสองข้าง

สาเหตุของโรค

-ส่วนใหญ่ไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด

-กลุ่มที่มีปัจจัยที่อาจจะเป็นสาเหตุ เช่น

1. กรรมพันธุ์ มีโครงสร้างหูชั้นในผิดปกติ แต่กำเนิด
2. โรคภูมิแพ้
3. การติดเชื้อไวรัส, หูชั้นกลางอักเสบ, หูน้ำหนวก, ซิฟิลิส
4. ประวัติเคยประสบอุบัติเหตุที่ศีรษะ
5. โรคทางกาย เช่น เบาหวาน, ไทรอยด์, ไขมันในเลือดสูง

อาการของโรค

1. อาการเวียนหัว มึนหัว เดินเซ ทรางตัวลำบาก รู้สึกว่าบ้านและสิ่งรอบๆตัวหมุนตลอดเวลา : อาการเกิดขึ้นมักทันทีทันใด ประมาณว่าอยู่เฉย ๆ ก็เวียนหัว เดินไม่ได้ขึ้นมาและส่วนใหญ่จะคงอยู่นานเกินกว่า 20 นาที บ่อยครั้งที่เป็นนานหลายชั่วโมง จนถึงเวียนหัว มึนหัวอยู่จนครบวัน และอาจรุนแรงถึงขึ้นเดินไปไหนมาไหนไม่ได้เพราะรู้สึกว่าบ้านหมุน จะล้มตลอดเวลาแต่ไม่ทำให้หมดสติ หรือเป็นอัมพาต นอกจากนี้อาจมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น เหงื่อออก, คลื่นไส้, อาเจียน

2. มักเกิดการเวียนหัวร่วมกับการได้ยินลดลง : เนื่องจากสาเหตุเกิดขึ้นในหูขณะมีอาการเวียนหัว ซึ่งระยะแรกอาจเป็น ๆ หาย ๆ การแต่การได้ยินก็มักจะกลับมาดีขึ้นจนเป็นปกติเมื่ออาการเวียนหัว มึนหัวหายไป แต่ถ้าเป็นซ้ำ ๆ กันหลาย ๆ ครั้ง มักส่งผลกระทบจนการได้ยินมักจะเสื่อมลงเรื่อย ๆ และไม่กลับคืนมา จนทำให้หูตึงได้เลยทีเดียว

3. หูอื้อ เสียงดังในหู : ซึ่งเกิดขึ้นในหูข้าง ที่ผิดปกติ อาจเป็นตลอดเวลา หรือเฉพาะเวลาเวียนศีรษะก็ได้

4. อาการหนัก ๆ หน่วง ๆ ในหู : คล้ายมีแรงดันในหูผู้ป่วยบางรายอาจบอกว่าปวดหน่วง ๆ ภายในหู ความถี่และความรุนแรงของอาการแต่ละคนไม่เหมือนกันบางคนเป็นปีละครั้ง บางคนเป็นหลาย ๆ เดือนครั้ง ไม่แน่นอน และระยเวลาในการเป็นก็ไม่เท่ากันด้วย บางคนปวดหู เวียนหัว พร้อมๆกันนานเป็นเดือน